วPA กับการประเมินฐานสมรรถนะ ตอนที่ 2

ศน.รัชภูมิ สมสมัย
ศน.รัชภูมิ สมสมัย 2086 views • 2 ปีที่แล้ว
วPA กับการประเมินฐานสมรรถนะ ตอนที่ 2

สมรรถนะผู้เรียนเป็นคุณลักษณะของผู้เรียนที่ประกอบด้วยความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจที่มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกันจนผลักดันให้ผลการปฏิบัติงานสำเร็จบรรลุตามเป้าหมาย หรือเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนด สามารถเขียนเป็นสมการเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจดังนี้ K + A + P + M & Successful = Competency

จาก OLE Model ถ้าหากครูเราสามารถสอนผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐาน / ตัวชี้วัด (KAP) แล้ว เรามีสมมติฐานที่ว่า ผู้เรียนจะเกิดสมรรถนะเหมือนที่เขียนไว้ในสมการ โดยมีขั้นตอนการเรียนการสอนดังนี้

จาก OLE Model ปกติครูเรามักจะประเมินถึงขั้นตอน Output เท่านั้น ไม่ได้ประเมินไปถึงขั้นตอน Outcome ส่งผลให้กระบวนการประเมินสมรรถนะของผู้เรียนตามหลักสูตรปี 2551 ยังไม่ถูกต้องเท่าที่ควร      

แล้วเราจะทำอย่างไรให้ถูกต้อง ถูกต้องอย่างเดียวยังไม่พอ ถูกต้องแล้วยังสามารถรองรับการประเมินวิทยฐานะตามเกณฑ์ ว.9 ได้อีกด้วย (ยิงปืนนัดเดียวได้นกมากกว่าสองตัว)

จากขั้นตอน OLE Model ในส่วนของ Evaluation ให้ครูมองการประเมินเป็น 2 ระยะ คือ

1. การประเมิน Output ในส่วนนี้จะเป็นการประเมินระยะแรก คือ การประเมินตามมาตรฐาน / ตัวชี้วัด (KAP) ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ว่าผู้เรียนบรรลุมาตรฐาน / ตัวชี้วัดหรือไม่? อย่างไร?

ข้อควรระวังของการประเมินระยะแรกคือ การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ K A P ตัวอย่าง เช่น

ตัวชี้วัดที่เป็นความรู้ (K) ควรเลือกใช้เครื่องมือประเภทการทดสอบ

ตัวชี้วัดที่เป็นทัศนคติ (A) ควรเลือกใช้เครื่องมือประเภทการสังเกตพฤติกรรม

ตัวชี้วัดที่เป็นทักษะ (P) ควรเลือกใช้เครื่องมือประเภทการประเมินภาคปฎิบัติ

ประเด็นการเลือกใช้เครื่องมือนี้ ครูต้องวิเคราะห์หา keyword หรือพฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกมาในตัวชี้วัดแต่ละตัวให้ได้ว่า ตัวชี้วัดมุ่งหวังให้นักเรียนมีพฤติกรรมปลายทางลักษณะใด เช่น เปรียบเทียบ อภิปราย หรือเรียงลำดับ เพราะ keyword ในส่วนนี้จะช่วยให้ครูเรา focus ได้ชัดเจนลงไปว่า ครูเราจะเลือกใช้เครื่องมือชนิดใดในการประเมินนักเรียนในแต่ละตัวชี้วัด เช่น ตัวชี้วัดมี keyword ว่า อ่านออกเสียง ตรงนี้ครูเราก็ต้องใช้แบบประเมินภาคปฏิบัติ หรือ ตัวชี้วัดมี keyword ว่า จับใจความสำคัญ ตรงนี้ครูเราก็สามารถเลือกใช้แบบทดสอบได้ หรือ ตัวชี้วัดมี keyword ว่า มีมารยาทในการอ่าน ตรงนี้ครูเราก็ต้องใช้แบบสังเกตพฤติกรรม

จุดแตกหัก ของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับชั้นเรียนควรเริ่มจากการวิเคราะห์หา keyword ของผลลัพธ์การเรียนรู้ เพื่อจะได้เชื่อมโยงไปสู่การออกแบบการจัดการเรียนการสอน และการออกแบบการวัดผลในชั้นเรียน

หากครูเราเลือกใช้ประเภทของเครื่องมือให้สอดคล้องกับธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้และธรรมชาติของมาตรฐาน / ตัวชี้วัด ก็พอจะเชื่อได้ในระดับหนึ่งว่า ผลการประเมินมีความสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของผู้เรียนในแต่ละคน ถ้าพบว่ามาตรฐาน / ตัวชี้วัด ด้านใดด้านหนึ่งไม่ผ่านการประเมิน ครูก็ดำเนินการสอนซ่อมเสริมเพื่อให้ผู้เรียนคนนั้นมีผลการประเมินที่ผ่านเกณฑ์ต่อไป (Assessment For Learning)

สุดท้ายผู้เรียนที่เรารับผิดชอบทุกคนก็ควรมีผลการประเมินตามมาตรฐาน / ตัวชี้วัดในแต่ละระดับชั้น ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ผ่านทุกตัว

ย้อนกลับไปที่นิยามและสมการของสมรรถนะของผู้เรียนที่บอกว่า สมรรถนะผู้เรียนเป็นผลจากการหลอมรวมระหว่าง ความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจถ้าผลการประเมินระยะแรก (output) ผ่าน กอปรกับครูเรามีการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนด้วยแล้ว เราก็พอจะเชื่อได้ว่านักเรียนเกิดสมรรถนะ แต่จะเกิดมากน้อยเพียงใดนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของการประเมินระยะที่ 2 

2. การประเมิน Outcome คือ การประเมินสมรรถนะของผู้เรียน ซึ่งสมรรถนะนั้นถือว่าเป็นผลที่ได้จากการหลอมรวมระหว่าง ความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจ

การประเมินสมรรถนะจึงไม่สามารถแยกการประเมินเป็นด้าน ๆ เหมือนระยะแรกได้ แต่ต้องเป็น การประเมินแบบองค์รวมทั้งเรื่องความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจ ซึ่งเราเชื่อว่าการประเมินสมรรถนะนั้นต้องประเมินโดยผ่านสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน

ความเชื่อเรื่องการประเมินสมรรถนะ มีส่วนที่สอดคล้องกับความหมายส่วนหนึ่งในนิยามคำว่า ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนคือ ...ซึ่งสามารถพิจารณาได้จาก “ผลงาน” (Product) หรือ “ผลการปฏิบัติงาน” (Performance) ของผู้เรียนที่ปรากฏภายหลังการเรียนรู้

ประมาณว่า เมื่อผู้เรียนได้รับโจทย์ที่เป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงานแล้ว นักเรียนต้องมีแรงจูงใจในการแก้ปัญหาโจทย์นั้นให้ประสบผลสำเร็จให้ได้ โดยอาศัยการบูรณาการทั้งเรื่องความรู้ ทักษะกระบวนการ และบุคลิกภาพส่วนตัวของผู้เรียนประกอบเข้าด้วยกัน (K + A + P + M & Successful)

สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงานจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินสมรรถนะของผู้เรียน

แต่การเลือกสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน มาให้ผู้เรียนได้ทำนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอคือ สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน นั้นต้องสอดคล้องกับเนื้อหาของกลุ่มสาระ ต้องสอดคล้องกับตัวชี้วัดของสมรรถนะที่ครูเราใช้ประเมิน และต้องสอดคล้องกับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้สึกในการประเมินที่ ท้าทาย มากกว่า ท้อแท้ เช่น หากต้องการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการสื่อสาร ครูเราอาจจะเลือกการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการสื่อสาร โดยไปกำหนดเป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน ไว้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชั้น ป.4 (ก็ได้)

เพราะฉะนั้น สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน อาจจะเป็น “ให้นักเรียนเขียนสรุปเพื่อถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากการอ่านนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า” (เพราะแค่ ป.4) หรือ หากต้องการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ครูเราอาจจะเลือกการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดยไปกำหนดเป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน ไว้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ กอท. ระดับชั้น ม.1 (ก็ได้)

เพราะฉะนั้น สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน อาจจะเป็น “ให้นักเรียนนำเสนอจำนวนคนที่ติดเชื้อ Covid 19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกันยายน 2564 โดยเลือกใช้วิธีการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีได้อย่างสร้างสรรค์และมีคุณธรรม” (เพราะแค่ ม.1) เป็นต้น

แนวทางสำหรับการประเมินสมรรถนะของผู้เรียนมี 3 แนวทาง คือ

1. ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ประเมินทั้ง 5 สมรรถนะ (โรงเรียนพร้อมมาก)

2. พิจารณาว่าสมรรถนะด้านนี้ ควรไปกำหนดเป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงานในกลุ่มสาระการเรียนรู้ใดดี? (คล้ายตัวอย่าง)

3. ทำเครื่องมือประเมินสมรรถนะกลาง ๆ ขึ้นมา เพื่อใช้ประเมินร่วมกันทั้งโรงเรียน

ไม่มีแนวทางไหนเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ขึ้นกับบริบทของโรงเรียนเป็นสำคัญ แต่สิ่งที่ควรคำนึงเสมอคือ ร่องรอย / หลักฐานที่ใช้ในการประเมินสมรรถนะของผู้เรียน (ที่มาของคะแนน)

ร่องรอย / หลักฐานก็คือสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน ที่สอดคล้องกับสมรรถนะที่ครูเราใช้ประเมินนั่นเอง

ผมขออนุญาตปิดท้ายบทความด้วยบทสรุปง่าย ๆ ของคำว่า ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนี้

1. ภายหลังที่ครูออกแบบการเรียนรู้แล้ว สมรรถนะของผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนา แต่สมรรถนะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ครูเราไม่สามารถตอบได้ เราจึงต้องหาตัวแทนของสมรรถนะ นั่นก็คือ “ผลงาน” (Product) หรือ “ผลการปฏิบัติงาน” (Performance)

คำถาม เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสมรรถนะของผู้เรียนได้รับการพัฒนา?       

คำตอบ เราต้องทำการวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ

2.  เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ ว.9 จะพบว่า สิ่งที่จะพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนได้ ก็คือ ข้อตกลงในการพัฒนางาน 

ผมสรุปเป็นสมการสั้น ๆ ได้ว่า ตัวแปรต้น คือ ข้อตกลงในการพัฒนางาน ส่วนตัวแปรตาม คือ ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน โปรดติดตามมุมมองของผมในบทความฉบับหน้าครับ

มาร่วมเรียนรู้กับ Starfish Labz

แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง

ลงทะเบียน

Related Courses

เครืองมือครู
ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา การบริหารจัดการตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

เจาะลึกการทำข้อตกลงพัฒนางาน (วPA) ฉบับคุณครู

ทำความรู้จักข้อตกลงการพัฒนางาน (วPA) แบบเจาะลึก เพื่อสร้างความเข้าใจการทำข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตราฐานตำแหน่ง ...

สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เจาะลึกการทำข้อตกลงพัฒนางาน (วPA) ฉบับคุณครู
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เจาะลึกการทำข้อตกลงพัฒนางาน (วPA) ฉบับคุณครู

สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
7204 ผู้เรียน
การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา
basic
2:00 ชั่วโมง

ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว

เรียนรู้ไอเดียการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย ฉบับโรงเรียนบ้านปลาดาว ทำความเข้าใจลักษณะห้ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว
Starfish Academy

ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว

Starfish Academy
การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม การบริหารจัดการตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

สอนวิทยาศาสตร์ อย่างไรให้ทรงพลังตามเกณฑ์ วPA

คุณครูไม่ต้องกังวลใจไป เมื่อมีการประกาศเกณฑ์ในการประเมินวิทยฐานะใหม่ (วPA) มาเตรียมตัวให้พร้อมกับการประเมินวิทยฐานะ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
สอนวิทยาศาสตร์ อย่างไรให้ทรงพลังตามเกณฑ์ วPA
Starfish Academy

สอนวิทยาศาสตร์ อย่างไรให้ทรงพลังตามเกณฑ์ วPA

Starfish Academy
การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา
basic
2:00 ชั่วโมง

ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)

หลักสูตรฐานสมรรถนะ เป็นหลักสูตรที่เน้นการวัดผลแบบสมรรถนะแทนการท่องจำเนื้อหาเพียงเพื่อนำมาสอบ หลักสูตรฐานสมรรถนะยังเป็ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)
Starfish Academy

ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)

Starfish Academy

Related Videos

เขียน วPA อย่างไร? ให้เกิดคุณค่ากับนักเรียน
08:56
Starfish Academy

เขียน วPA อย่างไร? ให้เกิดคุณค่ากับนักเรียน

Starfish Academy
800 views • 3 ปีที่แล้ว
เขียน วPA อย่างไร? ให้เกิดคุณค่ากับนักเรียน
ฝ่าประเด็นท้าทายผู้อำนวยการผู้สร้างโอกาสทางการศึกษา
06:20
Starfish Academy

ฝ่าประเด็นท้าทายผู้อำนวยการผู้สร้างโอกาสทางการศึกษา

Starfish Academy
855 views • 3 ปีที่แล้ว
ฝ่าประเด็นท้าทายผู้อำนวยการผู้สร้างโอกาสทางการศึกษา
การเขียน วPA
05:24
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

การเขียน วPA

สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
1275 views • 3 ปีที่แล้ว
การเขียน วPA
Starfish Country Home School Foundation [ENG]
03:43
Starfish Academy

Starfish Country Home School Foundation [ENG]

Starfish Academy
89 views • 3 ปีที่แล้ว
Starfish Country Home School Foundation [ENG]