"ทักษะแห่งอนาคต" คืออะไร?
“ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด” น่าจะเป็นข้อความที่เหมาะสมที่สุด ในการแสดงให้พวกเราเห็นว่า “ความรู้” ไม่ใช่สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในการจัดการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนในยุคศตวรรษที่ 21 เนื่องจากความรู้ต่าง ๆ ในยุคนี้มักอยู่ในรูปแบบ “VUCA” ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจาก V-Volatility (การเปลี่ยนไว), U-Uncertainty (ความไม่แน่นอน), C-Complexity (ความซับซ้อน) และ A-Ambiguity (ความคลุมเครือ) ความรู้ต่าง ๆ จึงมีลักษณะของความไม่แน่นอนสูง พยากรณ์ได้ยาก และคลุมเครือ ซึ่งเป็นความจริงที่พวกเราและเด็ก ๆ ทุกคนต้องเผชิญอยู่ในโลกปัจจุบัน
ทุกวันนี้ ความรู้นอกจากจะถูกค้นหา และเข้าถึงได้ง่ายจากทุกสถานที่ และทุกเวลาที่ต้องการ เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแล้ว ความรู้ยังมีอายุที่สั้นลง และล้าสมัยได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น มันจึงสำคัญมากที่เราจะต้องสอนให้เด็กๆ เข้าใจว่า “ความรู้ถูกสร้างมาได้อย่างไร และรู้ว่าแม้วันนี้ความรู้จะถูกสร้างขึ้นมาแล้ว มันก็อาจถูกล้มและเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน” และยังมีสิ่งอื่นอีกที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความรู้ นั้นก็คือ “ทักษะ” (Skills) โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า “ทักษะแห่งอนาคต” อันหมายถึง ทักษะที่ถูกคาดการณ์จากสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันว่าจะเข้ามามีอิทธิพลและบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในอนาคตอันใกล้ และหากใครเฉียบแหลมที่จะพัฒนา ฝึกฝน และประยุกต์ใช้ทักษะดังกล่าวได้ก่อน ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะรุ่งโรจน์ และประสบความสำเร็จในยุคที่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกำลังรุดมาถึง โดยหากจะพูดถึงประเภทของทักษะแห่งอนาคตคร่าว ๆ เราอาจสามารถสรุปจากเกณฑ์โดยปกติทั่วไป ดังนี้
ประเภทของทักษะแห่งอนาคต
- Hard Skills คือ ทักษะหรือความสามารถที่ใช้ในการทำงานในแต่ละสายอาชีพ ซึ่งสามารถวัดประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การอ่าน การเขียน การคำนวณ การทำบัญชี การเล่นกีฬา การเขียนโปรแกรม การวาดภาพ การวิจัย การทำอาหาร การใช้เครื่องมือต่าง ๆ เป็นต้น
- Soft Skills คือ ทักษะหรือความสามารถเฉพาะบุคคลที่ใช้เครื่องมือวัดหรือประเมินเป็นระดับคะแนนได้ยาก เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเป็นผู้นำ การบริหารเวลา มนุษย์สัมพันธ์ การปรับตัว การควบคุมอารมณ์ เป็นต้น
สำหรับวิธีการแยกแยะว่า ทักษะใดเป็น Hard skills หรือทักษะใดเป็น Soft skills โดยทั่วไปแล้ว อาจใช้หลักการ ดังต่อไปนี้
- Hard skills เป็นเรื่องของวิชาชีพ (Professional) ในขณะที่ Soft skill มีความเกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพ (Personality)
- Hard skills เป็นทักษะซึ่งสามารถใช้เครื่องมือวัด ประเมิน หรือทดสอบได้อย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนกว่า Soft skills
- การใช้ Hard skills จะเป็นการใช้ทักษะกับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ในขณะที่การนำ Soft skills มาใช้จำเป็นต้องเข้าใจบริบทและประยุกต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
อ่านบทความเกี่ยวกับ “Soft Skills ที่ต้องมีในยุค AI เพิ่มเติมได้ที่ มารู้จัก “Soft Skills” ที่ต้องมีในยุค AI เพื่อให้ “คุณ” ไม่ต้องกลัว Disrupt – เป็นที่ต้องการของตลาดงาน
ในอนาคต “ลูกหลานของเราอาจจะต้องทำงานในอาชีพที่ไม่เคยมี ด้วยเครื่องมือที่เราเองก็ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน” ซึ่ง Professor Kar Yan Tam คณะบดี School of Business and Management, Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) ได้คาดการณ์ว่า กว่า 85% ของงานที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2030 นั้น เราอาจจะยังไม่สามารถระบุได้ว่า มันจะเป็นอาชีพหรือตำแหน่งงานอะไรบ้าง แต่ทักษะของงานเกิดใหม่ในโลกอนาคตจะเป็นการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ รวมถึงการอาศัยความชำนาญด้านดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ในการทำงาน ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า เทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ กำลังเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เปลี่ยนวิธีคิดของเราต่อการเรียนรู้และการทำงาน และการผนวกการเรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนจึงกำลังกลายเป็นภารกิจสำคัญในหลาย ๆ สถาบัน ตลอดจนในบรรดาปักเจกบุคคลที่เองที่อยากจะเตรียมตัวให้พร้อม และอัปเดตทักษะของค์ความรู้ของตัวเองอยู่เสมอ
จับตา 7 เทรนด์ทักษะแห่งอนาคตที่กำลังมาแรง
(อ้างอิงและสรุปจาก The Matter)
1. ทักษะแห่งอนาคต Coding literacy : การเข้าใจเรื่องระบบ และการเขียนโค้ด
ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจในการบรรจุวิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ Coding เข้าไปในหลักสูตรการศึกษาแก่เยาวชนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา เพราะการพัฒนาโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ มีความสำคัญต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจทั้งโลก จะเป็นทักษะสำหรับทุกคนที่ไม่อยู่แค่ในภาควิชาคอมพิวเตอร์
2. ทักษะแห่งอนาคต Students as creators : การสนับสนุนให้ผู้เรียนเป็นนักคิดสร้างสรรค์
โลกยุคใหม่ผู้เรียนจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับ (passive) มาเป็นผู้สร้าง (active) ด้วยพลังของเทคโนโลยีที่เปิดกว้างและให้โอกาสทุกคนสามารถแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ และสร้างผลงานของตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์และทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในมือ โดยปราศจากข้อจำกัด และการปิดกั้นทางความคิดจากกรอบการเรียนแบบเดิม
3. ทักษะแห่งอนาคต Empathy and Emotion Understanding : การสร้างความรู้สึกนึกคิดและความเข้าใจผู้อื่น
การศึกษาคือการสร้างมนุษย์ ไม่ใช่สร้างหุ่นยนต์ ทักษะแบบมนุษย์ เช่น ความเข้าใจและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน จึงเป็นสิ่งที่โลกแห่งการทำงานกำลังต้องการ การส่งเสริมความเป็นมนุษย์ เพิ่มเติมความเข้าอกเข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่น จึงเป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญของคนในยุคแห่ง AI ซึ่งหุ่นยนต์ยังไม่สามารถทำได้
4. ทักษะแห่งอนาคต Collaborative Learning : การเรียนรู้ร่วมกัน
โลกของความสำเร็จ การทำงาน และการแก้ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นได้จากการร่วมมือกันตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ในแต่ละส่วนงานคุณสมบัติสำคัญที่บริษัทแทบทุกแห่งได้กำหนดไว้ในทักษะสำคัญในการรับเข้าทำงาน คือ สามารถทำงานเป็นทีมและร่วมมือกับผู้อื่นได้ดี
5. ทักษะแห่งอนาคต Individualized Learning: การเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้เรียนที่แตกต่างกัน
นักการศึกษาสมัยใหม่ต่างให้ความเห็นว่าความแตกต่างของเด็ก ๆ ต้องการรูปแบบการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อพัฒนาจุดแข็งหรือลักษณะเฉพาะของแต่ละคน จะเน้นพัฒนาทักษะทางสังคม (Soft skill) หรือทักษะที่จะทำให้มนุษย์แตกต่างจากเครื่องจักร เช่น การใช้ภาษา การติดต่อสื่อสาร การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ความเป็นมิตร การมองโลกในแง่ดี บุคลิกและการแสดงออกทางสังคม ความเข้าใจ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นทักษะสำคัญที่โลกแห่งการทำงานกำลังต้องการ
6. ทักษะแห่งอนาคต Family and Community Involvement: การมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน
ครอบครัวและสภาพแวดล้อมรอบข้างล้วนมีผลกับการเรียนรู้ของเด็กๆ โดยตรงการอบรมและให้การศึกษา ไม่ได้เป็นภาระของโรงเรียน หรือครูอาจารย์ แต่ทั้งครอบครัวและชุมชนรอบข้างของเด็กๆ จำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ให้รอบด้าน
7. ทักษะแห่งอนาคต Redesigning learning Spaces: การออกแบบพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
โรงเรียนของไทยมีลักษณะที่เป็นแบบแผน มีครูมายืนหน้าชั้นและพูดให้เด็กฟังฝ่ายเดียว ห้องเรียนในโลกสมัยใหม่จึงควรถูกคิด และออกแบบใหม่ไปสู่ห้องเรียนที่ยืดหยุ่น เป็นห้องเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ จับกลุ่ม เปลี่ยนกลุ่ม ล้อมวงเพื่อปรับรูปแบบการเรียนรู้จากกันและกันได้อย่างอิสระ
และสุดท้าย เราคงต้องสอนเด็กๆ ว่า “จงอย่าเก่งแค่ด้านเดียว แต่จงเป็นผู้มีความรู้แบบตัวT” เพราะ ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างแท้จริง จะมีทักษะโดยรวมแบบแขนของอักษร T ซึ่งแสดงถึงความกว้างของการรอบรู้เรื่องราวต่าง ๆ และขาของตัว T จะเป็นตัวแทนของความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และประสบการณ์ในงานที่รับผิดชอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การทำงานในอนาคตจะเป็นโลกของคนที่มีทักษะหลากหลาย และมีความรู้แบบข้ามสายงานจนสามารถสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ขึ้นได้ งานประจำแบบเป็นกิจวัตร หรือ Rountine job สำหรับมนุษย์จะค่อยๆ หมดไป และถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ สถาบันการศึกษายุคใหม่จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหลักสูตรจากเดิมที่สอนเป็นรายวิชา และขาดการเชื่อมโยงถึงกันเป็นการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่ไม่มุ่งแต่การให้องค์ความรู้ตามเนื้อหาของรายวิชาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เน้นไปที่การพัฒนาทักษะประเภท Hard skills ในรูปแบบของฐานสมรรถนะโดยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะประเภท Soft skills เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking), ความเอาใจใส่และเข้าใจ (Empathy) และความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ควบคู่ไปกับการสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวของผู้เรียนเอง
เรียบเรียงโดย อาจารย์ธิติ ธีระเธียร
ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาครูและนักเทคโนโลยีทางการศึกษา
StarfishLabz และ Starfish Academy
มูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม
Related Courses
การสร้างรายได้จากสติกเกอร์ Line
เมื่อยุคเปลี่ยนไปการสื่อสารกันในชีวิตประจำวันเปลี่ยนตาม จากการพูดคุยกลายเป็นการพิมพ์คุยกัน การสร้างสติกเกอร์ไลน์จึงเป็นอาชีพ ...



เจาะลึกทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เด็กรุ่นใหม่ต้องมีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และต้องมีทักษะอะไรบ้างเพื่อรองรับกับอ ...



การทำงานแบบทีม ทักษะจำเป็นยุคดิจิทัล (Collaboration skill)
ในคอร์สนี้จะเป็นการเรียนรู้ว่า การทำงานร่วมกันเป็นอย่างไร ทำไมเราต้องทำงานกับผู้อื่น แล้วเมื่อต้องทำงานร่วมกันแล้วจะส่งเสริมใ ...



การทำงานแบบทีม ทักษะจำเป็นยุคดิจิทัล (Collaboration skill)
คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว
คงจะดีถ้าการอ่านออกเขียนได้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นวัตกรรม3R โรงเรียนบ้านปลาดาว ได้ออกแบบชุดการสอนที่ง่ายและเกิดผล ...



คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว
Related Videos


พื้นที่แห่งการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21


ผู้เรียนเป็นหลัก "ห้องเรียนฐานสมรรถนะ (CBE)"

