คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ 5 เคล็ดลับสำคัญ ถนอมดวงตาของลูก จากหน้าจอ
ยุคโควิดแบบนี้จะออกไปไหนก็ลำบาก อีกทั้งเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็เรียนออนไลน์กันหมด เวลาที่ต้องอยู่ติดหน้าจอเลยต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า บางบ้านกว่าจะเรียนครบทุกวิชา เล่นเอามึนกันไปเลย
ไม่เฉพาะเด็กๆ เท่านั้นที่ต้องติดหน้าจอจากการเรียนออนไลน์ คุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง Work From Home ก็เช่นกัน แล้วเรายังต้องติดในภาวะนี้กันอีกไม่รู้ถึงเมื่อไหร่ “ดวงตา” จึงเป็นอวัยวะหนึ่งที่ต้องรับบทหนักเลยทีเดียว วันนี้ Starfish Labz จึงมีวิธีถนอมดวงตาจากการเรียนออนไลน์และการต้องนั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ มาฝากหลาย ๆ ครอบครัวกันค่ะ อย่าลืมว่าปัญหาสายตาก็อาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพจากการเรียนออนไลน์หนึ่งที่อาจสายเกินแก้เช่นกัน หากไม่ได้รับการดูแลและถนอมอย่างสม่ำเสมอ แต่จะมีเทคนิคง่ายใด ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกทำ และยังสามารถทำเองได้อีกด้วย มาดูกันเลย
1. จำกัดเวลาในการอยู่กับหน้าจอ
ในเวลาปกติหลายบ้านใช้วิธีจำกัดเวลา ในการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของลูก แต่ในช่วงที่ลูกเรียนออนไลน์ อาจจะต้องวางแผนการใช้งานหน้าจอมากกว่าเดิม เช่น ในบางวิชาที่อาจารย์จะบรรยายมากกว่า อาจจะไม่จำเป็นต้องจ้องจอ ลองใช้วิธีฟังเสียงอย่างเดียวบ้าง ก็สามารถจับใจความหลักๆ ที่คุณครูสอนได้ หรือเปลี่ยนเป็นการมองหน้าจอ 20-30 นาที แล้วให้หยุดพักสายตา สลับกันไป
บ้านไหนที่มีการจำกัดเวลาในการใช้สายตาหน้าจอของลูกอยู่แล้ว เมื่อมีการเรียนออนไลน์มากขึ้น อาจจะต้องลดเวลาเพื่อความบันเทิงเหล่านั้นลงบ้างในวันธรรมดา และเพิ่มเวลาหน้าจอในช่วงวันหยุดแทน
2. จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
จริงอยู่ค่ะว่าบ้านนั้นไม่ได้เป็นที่ ๆ เหมาะกับการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน อันนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยกันดูว่าสภาพแวดล้อมที่ลูกกำลังนั่งเรียนออนไลน์ กำลังตั้งคอมพิวเตอร์ หรือ Tablet นั้นมีแสงเพียงพอหรือไม่ ปรับแสงหน้าจอเหมาะสมหรือไม่ ระยะห่างระหว่างลูกกับจอนั้นเหมาะสมหรือเปล่า (โดยทั่วไปควรห่างประมาณ 1 ฟุต เป็นอย่างน้อย) เพื่อให้ลูกไม่ต้องเพ่งมากเกินไป หรือจะเลือกติดฟิล์มถนอมสายตาที่หน้าจอ หรือปรับโหมดเป็นถนอมสายตาเพื่อลดแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่จะเป็นอันตรายต่อดวงตาให้น้อยลง รวมถึงทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงมากขึ้น
3. กะพริบตาบ่อยขึ้น
อาจจะดูเป็นวิธีธรรมดา ๆ แต่ได้ผลดีเลยทีเดียวสำหรับช่วงที่ต้องใช้สายตามาก ๆ โดยธรรมชาติของคนเราจะกะพริบตา 10-15 ครั้ง/นาที และเมื่อกะพริบตา 1 ครั้งจะทำให้มีน้ำตาออกมาเคลือบตา ช่วยให้ไม่แสบตา มองเห็นภาพชัด แต่เมื่อตั้งใจมองอะไรนาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เราจะกะพริบตาน้อยลงกว่าปกติ และกะพริบตาไม่สุด การเคลือบของน้ำตาจึงลดลง ทำให้ตาแห้ง แสบตา มองเห็นภาพไม่ชัด จึงควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ วิธีนี้ลองฝึกลูกให้ทำตามดู ถ้าเป็นเด็กเล็ก อาจจะลองใช้นิทานที่มีเนื้อหาสัตว์แข่งกันกะพริบตาก็ได้
4. ออกไปพักสายตาที่อื่นบ้าง
จะให้อยู่แต่หน้าจอ หรือในห้องไม่ใช่แค่จะทำให้สุขภาพตาเสียค่ะ แต่จะพาลเอาความเครียดมาด้วย ลองชวนลูกลุกออกไปที่สวน เดินไปที่ระเบียง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่นดื่มน้ำ ทานขนม ของว่าง พูดคุยกันบ้าง เมื่อเห็นลูกเริ่มเครียด ลองชวนคุยประเด็นเบาๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจลูกบ้าง หรือแม้แต่เปลี่ยนไปทำกิจกรรมสั้น ๆ เช่น ทำอาหารว่าง ออกกำลังกายเบาๆ ชวนเล่นบอร์ดเกม ฯลฯ ก็ช่วยให้ลูกละสายตาออกมาจากหน้าจอได้บ้าง
5. มาบริหารดวงตากัน!
ใครว่าการบริหารมีแค่เพียงกับร่างกายเท่านั้น ดวงตาก็บริหารได้นะ หาที่นั่งสบายๆ ในช่วงพักจากการเรียนออนไลน์หรือการทำงานแล้วชวนลูกทำไปพร้อม ๆ กัน
- กลอกตาขึ้น – ลงช้า ๆ เซตละ 6 ครั้ง โดยเหลือบตาขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด ในระหว่างการบริหารอย่างเกร็งลูกตา
- กลอกตาไปข้างขวาและซ้ายสลับกัน โดยกลอกตาไปให้ขวาสุด และซ้ายสุด ทำซ้ำ 2 - 3 ครั้ง
- มองใกล้ - มองไกล ชูนิ้วชี้ขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา ห่างจากสายตาประมาณ 8 นิ้ว แล้วจ้องมองไปที่ระยะไกล ๆ ประมาณ 10 ฟุต ประมาณ 2 - 3 วินาที สลับกับใช้ตามองระยะใกล้ที่นิ้วมือ ทำสลับไปมาเช่นนี้ประมาณ 10 ครั้ง แล้วหยุดพัก 1 วินาที ทำประมาณ 2 - 3 รอบ
- กลอกตาเป็นวงกลมช้า ๆ โดยเริ่มกลอกตาตามเข็มนาฬิกาก่อน แล้วกลอกตาทวนเข็มนาฬิกา ทำประมาณ 10 ครั้ง แล้วหยุดพัก 1 วินาที ทำประมาณ 2 - 3 รอบ
และนี่ก็คือ 5 วิธีถนอมดวงตาจากการเรียนออนไลน์และการต้องใช้สายตานาน ๆ กับการทำงานที่ Starfish Labz ได้นำมาฝากกัน อย่าลืมว่าดวงตาก็เป็นอีกอวัยวะที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ แถมไม่มีอะไหล่มาเปลี่ยนได้ง่าย ๆ ด้วย ฝึกให้ลูกถนอมดวงตาไว้ก่อนจะสายเกินแก้ ย่อมดีกว่าต้องมาตามรักษาแน่นอน
Related Courses
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...
สุขภาพเด็กวัยเรียนสำคัญอย่างไร
การเรียนรู้เกี่ยวกับสุขภาพของเด็กในวัยเรียนที่ครูและผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ พร้อมนำไปปรับใช้ให้มีความเหมาะสมกับเด็ก ในด้านก ...
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...