“ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์” เป็น สมบัติสาธารณะ หรือ ทรัพย์สินส่วนบุคคล ?

“ครู” เป็นอาชีพหนึ่งที่การทำงานมักจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับความรู้และทรัพย์สินทางปัญญาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการสอน การพัฒนาสื่อ ตำรา นวัตกรรม และงานสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ รวมถึงการทำวิจัยเพื่อการพัฒนาความรู้และการทำงานด้านการจัดการศึกษา แต่ยังมีครูหลายคนซึ่งขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฏเกณฑ์และกฏหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการนำความรู้หรือความคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่นไปใช้งานอย่างถูกต้อง รวมทั้งยังมีบางคนอาจจะยังมีความเข้าใจและความเชื่อว่า หากนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแล้ว ก็จะสามารถนำไปใช้ได้ฟรี! ทั้งหมดโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของผลงาน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า ลิขสิทธิ์ นั้น เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่มอบสิทธิทางกฎหมายให้ผู้สร้างสรรค์ในการเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลงงานที่สร้างสรรค์นั้น โดยทั่วไปแล้วลิขสิทธิ์มีระยะเวลาจำกัดในการคุ้มครอง คือ เริ่มตั้งแต่การสร้างสรรค์งานและมีอายุความคุ้มครอง 50 ปี นับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต (ยกเว้น งานด้านศิลปประยุกต์ ซึ่งมีอายุความคุ้มครอง 25 ปี) โดยในบางประเทศมีข้อกำหนดในการเริ่มต้นการเกิดลิขสิทธิ์ด้วยกระบวนการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานอย่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา แต่ในประเทศส่วนใหญ่นั้น จะถือว่าการคุ้มครองลิขสิทธิ์จะเริ่มต้นขึ้นเมื่องานนั้นถูกสร้างโดยไม่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียน
ในประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ได้ระบุความคุ้มครองสิทธิทางกฎหมายกับงานที่มีผู้สร้างสรรค์ไว้ รวมทั้งได้กำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์บางอย่างไว้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะสามารถนำเอาทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่นมาเพื่อทำซ้ำ ดัดแปลง หรือแจกจ่ายได้ตามต้องการอย่างอิสระโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยนะครับ ซึ่งรายละเอียดของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตาม มาตรา 32-43 รวมถึงแนวทางการสร้างชิ้นงานอย่างไม่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น มีหลักการสำคัญอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรก การใช้งานลิขสิทธิ์นั้นต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และ ประการที่สอง การใช้งานลิขสิทธิ์นั้นต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฏหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร โดยข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่นักการศึกษาควรจะทราบสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความต่างๆ ดังนี้
(1) สาระสำคัญและความแตกต่างในข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 32-43 โดย Phachern Thammasarangkoon สามารถเข้าถึงได้จาก https://www.gotoknow.org/posts/470188
(2) กฎหมายลิขสิทธิ์ : ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ โดย Wasawat Deemarn สามารถเข้าถึงได้จาก https://www.gotoknow.org/posts/230733
(3) ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ พรบ.ลิขสิทธิ์ 2558 โดย ธาม เชื้อสถาปนศิริ สามารถเข้าถึงได้จาก https://www.yumpu.com/xx/document/read/56245537/licent12
อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มักมีการระบุสิทธิ์และข้อจำกัดในการนำผลงานนั้นๆ ไปใช้โดยการกำหนดสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ หรือ Creative Commons: CC ซึ่งเป็นข้อตกลงในการแบ่งปันและอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญา โดยผู้เป็นเจ้าของสามารถกำหนดการให้สิทธิบางส่วนหรือทั้งหมดแก่สาธารณะ ในขณะที่ยังคงสงวนสิทธิที่ต้องการบางส่วนไว้ได้ผ่านการแสดงข้อความหรือสัญลักษณ์ที่ช่วยให้สาธารณชนทราบถึงเงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดไว้ สัญลักษณ์เงื่อนไขของสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ซึ่งเครือข่ายครีเอทีฟคอมมอนส์ประเทศไทย ได้ถอดความและอธิบายไว้ดังนี้
(1) การกำหนดให้อ้างอิงหรือแสดงแหล่งที่มา (Attribution – BY)
(2) การห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า (NonCommercial – NC)
(3) การห้ามดัดแปลง (No Derivative Works –ND)
(4) การอนุญาตให้แจกจ่ายในรูปแบบเดียวกัน (Share Alike – SA)
ผู้สนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์และสร้างสัญลักษณ์เพื่อแสดงสิทธิ์ในการใช้บนชิ้นงานของตนเองได้ที่ https://creativecommons.org/share-your-work/
เรียบเรียงโดย อาจารย์ธิติ ธีระเธียร
ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาครูและนักเทคโนโลยีทางการศึกษา
StarfishLabz และ Starfish Academy
มูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม
Related Courses
การออกแบบบทเรียนสำหรับ Starfish Labz
วิธีการออกแบบบทเรียนสำหรับคอร์สของ StarfishLabz.com ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์แห่งแรกของประเทศสำหรับนักกา ...



How to วิธีการพัฒนาและรู้จักตนเอง
การรู้จักตัวตนที่เป็นตัวเราจริงๆ รู้ว่าเราเป็นใครและอยากทำอะไร ก็จะส่งผลให้เรามีความมั่นใจ พร้อมค้นหาวิธีพัฒนาตนเองและเข้า ...



Scenario Based Learning วิธีการเรียนแบบไม่ให้ Loss
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ฉากทัศน์เป็นฐาน ทำให้นักเรียน เรียนรู้ผ่านสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับความจริง และช่วยพัฒนาทักษะในการทำ ...



Micro Learning การฟื้นฟูภาวะถดถอยด้วยการช่วยเหลือผู้เรียน
การเรียนรู้ที่ถดถอยจะหายไป หากได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากผู้มีความชำนาญ และการสร้างความร่วมมือผ่านการเรียนรู้ของคณะ ...



Micro Learning การฟื้นฟูภาวะถดถอยด้วยการช่วยเหลือผู้เรียน
Related Videos


Apple Teacher Talk - เปิดไอเดียสร้างบทเรียนบน iPad กับ Apple Teacher


Teacher’s Story คุณอิสยาห์ กองเงิน

